อาวุธปืนกลมือและปืนพกสั้น
ปืนกลมือหรือปกม. (อังกฤษ: Submachine Gun, SMG) เป็นปืนที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ มีขนาด
กะทัดรัดสามารถประทับยิงคนเดียวได้อย่างรวดเร็ว มีระยะยิงหวังผลไม่ไกลนัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วปืนกลมือจะใช้กระสุนของปืนพกกึ่งอัตโนมัติ เนื่องจากนิยมใช้ในการยิงต่อสู้ระยะประชิดตัว และจะมีซองกระสุนที่สามารถบรรจุกระสุนได้ในปริมาณมากกว่าปืนพก
ปืนกลมือรุ่นแรกของโลกนั้นคือ ปืนกลมือเบิร์กมันน์ เอ็มพี18 ของฝ่ายเยอรมัน ออกแบบโดย Hugo Schmeisser เมื่อปี พ.ศ. 2459 และ เปิดสายการผลิตในปี พ.ศ. 2461 โดย ธีโอดอร์ เบิร์กมันน์ (Theodor Bergmann) และ ในปีเดียวกัน ปืนกลมือรุ่นดังกล่าวได้เข้าประจำการในกองทัพเยอรมัน ส่วนในประเทศไทยนั้นนิยมเรียกปืนกลมือรุ่นนี้ว่า ปืนกลแบล็คมันน์ ซึ่งใช้ในการประหารชีวิตนักโทษของกรมราชทัณฑ์
M1911A1
ปืนเวอร์ชั่น : M1911A1
ปืนพก M1911 ของบริษัท COLT สัญชาติอเมริกา ปืนในภาพเป็นซีรี่ย์ 80 ปืนรุ่น M1911 ถือว่าเป็นปืนที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนคนเขาเรียกว่าเป็นปืนสงครามร้ายแรง ปืน M1911 มีชื่อเสียงและตำนานดังมายาวนานจนถึง 100 ปีกว่าได้ จนปัจจุบันปืนนี้ก็ได้ถูกแพร่หลายไปหลายบริษัทปืนเลยทีเดียวในการสร้างปืนโคลนให้เหมือน M1911 มันมีหลายรุ่น หลายซี่รี่ย์หลายบริษัทมากที่ผลิตปืนแบบนี้ เช่น บริษัท KIMBER , LLAMA , PARA ORDNANCE เป็นต้น ซึ่งบางหลายบริษัทต่างก็สร้างเลียนแบบปืนM1911 แล้วดัดแปลงลงส่วนที่ดีแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกให้ต่างจากบริษัทอื่น เป็นปืนที่นิยมแก่นักกีฬายิงปืนโดยเฉพาะ จนปัจจุบันปืนนี้ก็ยังไม่ตกยุคเพราะหลายบริษัทพัฒนามันอยู่เรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น
รูปทรงดั้งเดิมของปืนแบบ 1911 นั้น ตั้งใจให้เป็นปืนทหารใช้ออกรบ การออกแบบต้องมีความบึกบึน แข็งแรง ทนทาน ซึ่งมีผลกับรูปแบบและขนาดของปืน แต่ด้วยความที่ออกแบบมาเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว คนสมัยนั้นจะทำอะไรก็ต้องมีเส้นสายที่อ่อนช้อยปนอยู่ ในสายตาความคิดของเขาเสมอ ดังนั้น แม้ 1911 จะเป็นปืนสงคราม แต่รูปแบบโดยรวม ก็ยังมีเส้นโค้งมนพองาม คือเส้นตรงตามสมัยนิยมและความจำเป็นในการผลิต/การทำงาน เส้นโค้งลดความแข็งของการมอง และเป็นส่วนที่ให้มือจับได้พอเหมาะพอเจาะ
ปืนของบริษัท COLT รุ่น M1911 ส่วนใหญ่จะทำจากเเสตนเลส เป็นปืนต่อสู้ที่มีความสมบุกสมบันมาก ระบบความปลอดภัยถือว่าดี คุมปืนง่ายแล้วไม่ยากเกินไป แรงสะท้อนก็นุ่มนวล ศูนย์เล็งก็ประณีตใช้ได้ มีความคล่องตัวและความถนัดในการจับถือสูงมาก โครงปืนทำออกมาประณีตสวยงามใช้ได้เหมือนกัน มีความแม่นยำสูงเนื่องจากใช้กระสุน .45ACP ความแม่นยำของกระสุนจะมากกว่า 9MM พลังทำลายก็ถือว่าสูงเอาการ เพราะมีหลักการในถ่ายโอนพลังงานเป็นจลใส่เป้าหมายได้ดี เป้าหมายที่โดนยิงอาจจุกได้กระสุน .45ACP ก็คือ กระสุน 11MM ที่เมืองไทยเข้าเรียกกันนั้นเอง แต่ปืนรุ่นนี้เสียอย่างหนึ่งหนึ่งบรรจุกระสุนน้อย
LUGER P-08
ปืนเวอร์ชั่น : GOLD LUGER P08
ปืนนี้จริงๆ เป็นปืน P08 เวอร์ชั่นปืนทองคำของบริษัท LUGER สัญชาติเยอรมัน ใช้กระสุน 9 MM กับ 7.65 MM เป็นปืนพกที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ทางด้านศิลปะสูง ด้วยลวดลายแกะสลักภาพปืนอย่างสวยงามประณีต โครงปืนหน้าจะทำจากทองคำเยอะ รูปร่างสวยน่าจับน่าชมน่าสัมผัสมาก มีความคลาสสิคมากๆ ความรุนแรงอยู่ในระดับพอใช้ถึงปานกลาง
P08 เป็นปืนที่ได้รับความนิยมมากแล้วถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ จนในปัจจุบันก็ยังเห็นมีขายตามร้านขายอาวุธบางแห่งหลายร้าน แล้วดัดแปลงให้เท่และทันสมัยขึ้นกว่าเมื่อก่อน แถมยังถูกหลาย
ประเทศนำไปลอกเลียนแบบแถมปืน P08 ยังมีแม็กกาซีนบรรจุกระสุนเป็นรูปหอยทากซึ่งบรรจุกระสุนได้ 25 นัด
Webley Revolver MK 4
ปืนเวอร์ชั่น : WEBLEY MK VI
ปืน พกลูกโม่ประจำตัวของทหารอังกฤษมีใช้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ประจำการปี 1915-1947 มี นน.ที่เบามากใช้ง่ายไม่ต้องใช้การฝึกอะไรมากและยังคงถูกใช้ใน บางส่วนของโลกอยู่ ผู้ออกแบบWebley and Scott = W&S สัญชาติอังกฤษ
Webley เป็นปืนลูกโม่หักคอใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1-2 ขนาด.455 ถ้าใครที่มีบรรพบุรุษเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่1น่าจะมีในบ้านนะครับ อานุภาพของกระสุน .455 WEBLEY ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำอยู่ในเรื่องแรงปะทะของกระสุนเพียงแค่ 300 จุล
Tokarev TT-33
ประเภท : Semi-automatic Pistol
ปืนพกประจำกายมาตรฐานของทหารกองทัพแดงปืนชนิดนี้ได้รับการพัฒนามาจากปืน M1911 ของสหรัฐโดยตัดแปลงทำให้มันใช้งานได้ดีขึ้นง่ายขึ้นและทนทานมากขึ้น
WALTHER P-38
9 มม.พาลาเบลลั่ม ผลิตในปี ค.ศ. 1939 โดย บ.วัฟเฟ่นฟาบริค. คาร์ล วอลเธอร์ ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ผลิตปืนออโต้ระบบดับเบิลแอคชั่น โดยเลือกระบบขัดกลอนหน่วงเวลา แบบ “Locked Block” หรือ วอลเธอร์ บล็อก แอคชั่น มาใช้กับ WALTHER P38 นับเป็นปืนที่ได้รับผลิตออกมามากรุ่นหนึ่งทีเดียว โดยผลิต ในปี ค.ศ. 1940-1945 ขึ้นมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองครั้งแรก ถึง 475000 กระบอก และผลิตโดยโรงอื่นอีก 575000 กระบอก เพื่อให้ทันกับการสั่งเข้าใช้งาน ปัจจุบันเป็นปืนที่หาได้ยากมาก
M3A1
ประเภท : Submachine
ปืนกลมือ M3 หรือชื่อเล่นที่ทหารสหรัฐฯเรียกก็คือ Grease Gun ระบบปฏิบัติการแบบ Blowback ในการยิง ความจุ 30 นัด/แมกกาซีน
ปืนกล M3 เป็นปืนที่นิยมใช้กันในหน่วยพลร่ม หน่วย Ranger ,Green Beret และทหารนาวิกโยธินของฝ่ายสหรัฐฯรวมทั้งหน่วย SAS ของอังกฤษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยปืนกลมือ UZI และ H&K MP5-SD เนื่องจากมีความสะดวกต่อการพกพาและมีความแม่นยำที่สูงกว่า
THOMPSON M1
ปืนเวอร์ชั่น : THOMPSON M1
ปืนกลมือ THOMPSON M1 หรือเรียกชื่อหนึ่งว่า TOMMY GUN , CHOPPER , CHICAGO TYPEWRITER , CHICAGO PIANO นั้นเอง สัญชาติอเมริกา ผู้ผลิตโดย JOHN T. THOMPSON ปืนกลพวกทอมสันจะมีหลายฉายามาก ถูกผลิตมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดทำให้กองทัพในตอนนั้นไม่สนใจในการใช้ในช่วงแรกปืนนี้ถูกใช้ในกลุ่ม มาเฟียแต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นทางกองทัพจึงนำมันมาใช้มันเป็นปืนที่ นน. เบามีการยิงกระสุนได้เร็วแต่ความแม่นยำไม่มากและมีการส่ายของลำกล้องสูงมาก เวลายิงเร็วๆ เป็นปืนที่ทหารนิยมใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มากที่สุด จำนวนผลิต ประมาณ 2,000,000 กระบอก ปืนทอมสันนั้นจะนิยมใช้ไปตามหลายหน่วยงานและกองทัพมากในสมัยก่อน อานุภาพของมันที่ใช้กระสุน .45 ACP ก็ถือว่าสูงมากเอาการเลย อำนาจในการถ่ายโอนพลังงานใส่เป้าหมายถือว่าเยี่ยมมากคนธรรมดาโดนยิงด้วย กระสุน .45 แค่ 1-2 นัดก็นอนตายแล้ว ซึ่งเหนือกว่ากระสุน 9 MM นั้นเอง ซึ่งถือว่าอำนาจในการหยุดยั้งอยู่ในเกณฑ์ดีเชียวล่ะ ส่วนความทนทานถือว่าเป็นเยี่ยมใช้ได้ ลุยน้ำได้เหมือนพวกปืน M1 GARAND กับ M1903 นั้นเอง ที่ไว้ใช้ในสงครามบนน้ำเลยก็ว่าได้
THOMPSON M1927
ปืนเวอร์ชั่น : THOMPSON M1927
เป็น ปืนกลมือทอมป์สัน รุ่น M1927 ผลิตเมื่อปี 1927 เป็นรุ่นที่พัฒนามาก่อน M1928 ตลับกระสุนของรุ่น M1927 เพิ่งจะมีการพัฒนาในภายหลัง สามารถบรรจุกระสุนได้ 100-120 นัด
นิยมเรียกตลับกระสุนนี้ว่า DRUM MAGAZINE
ในยุคแรกที่ กระสุนขนาด .45 ACP ได้ถือกำเนิดขึ้นมา กระสุน .45 เมื่อนำมาจะมีปัญหาเรื่องการเสียรูปทรงของกระสุน ทำให้การบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงมีปัญหามาก
จนในที่สุดนาย John T. Thompson ก็ได้แก้ปัญหานี่ได้และออกแบบและประดิษฐ์ปืนกลมือขึ้นมานั่นคือ "ปืนกลมือ Thompson Submachinegun หรือ M1928"
ปืนกลทอมป์สันใช้ กระสุนขนาด .45 ACP ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Friction lock (รุ่นแรก) และ Blowback-operated (ในรุ่น M1/M1A1) ความจุ 20-30 นัดสำหรับแมกกาซีนธรรมดา
และ 50-100 นัดสำหรับแมกกาซีนแบบ Drum ครับ เป็นปืนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากอำนาจการหยุดยั้งที่ไว้ใจได้ของกระสุนขนาด .45
ซึ่งมีอานุภาพในการหยุดยั้งเป้าหมายสูงพวกทหารญี่ปุ่นโดนกระสุนขนาด .45 เข้าไป 1-2 นัด ถึงกับล้มลงไปนอนเลยคับ และการถอดล้างที่ทำได้ง่ายด้วย
แต่มันก็มีข้อด้อยด้วยคือความแม่นยำที่ลดลงไปมากเมื่อยิงในระยะเกิน 50 หลาขึ้นไป ซึ่งปืนกลมือทุกกระบอกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เจอเหมือนกันหมด
ปืนกล THOMPSON เคยผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเเล้ว รวมไปถึง สงครามบอสเนีย สงครามจีน สงครามเวียดนาม สงครามอินโดจีน สงครามเกาหลี อารหับ อิสราเอล
ศึกเคยผ่านศึกสงครามหลายประเทศมาเเล้วนับไม่ถ้วยเจ้ากล THOMPSON กะบอกนี้นั้นเอง
Sten gun
ประเภท : Submachine Gun
ปืนกลมือที่กองทัพอังกฤษใตลอดสงครามโลกครั้งที่2ไปจนถึงสงครามเวียดนามด้วยที่มันมีลักษณะเล็ก นน. เบากระทัดรัดใช้ง่ายมันจึงเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
PPSH-41
ประเภท : Submachine Gun
ปืนกลมือของกองทัพบกโซเวียตมีอัตราการยิงต่อเนื่องสูงมากบรรจุกระสุนได้เยอะมากความแม่นยำต่ำไม่เหมาะกับการยิงระยะไกลแต่เหมาะกับการต่อสู้ระยะประชิดและใช้ในหลายประเทศเช่นเวียดนามเหนือหรือเกาหลีเหนือ
MP-40
ประเภท : ปืนกลมือ
ถิ่นกำเนิด : นาซีเยอรมัน
คงจะไม่ผิดนักถ้าหากจะกล่าวว่าปืนกลมือ Maschinenpistole MP 40 (schmeisser) เป็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง มันถูกผลิตออกมาโดยบริษัท เออร์ม่า (Erma) มากกว่า 1,000,000 กระบอก จนถึงปี 1945 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยความที่ผลิตง่าย ตามความต้องการของกองทัพเยอรมันที่ต้องการปืนที่มีระบบการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้คนงานที่มีความสามารถพิเศษ ก็สามารถประกอบปืนรุ่นนี้ได้ ตัวปืน MP 40 เป็นเหล็กและพลาสติคแข็ง ไม่มีส่วนใดเป็นไม้ บำรุงรักษาง่าย ต้นแบบของมันคือ MP 38 ซึ่งผลิตขึ้นมาในปี 1938 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเปิดฉากขึ้นเพียงเล็กน้อย และพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น MP 40 และได้รับสมญาว่า ชมิสเซอร์ (Schmeisser)
ปืนกลรุ่นนี้ใช้กระสุนขนาด 9 มม. ส่งกระสุนด้วยซองกระสุนบรรจุกระสุน 32 นัด อัตราความเร็วในการยิง 500 นัดต่อนาที เป็นปืนที่ทหารเยอรมันใช้ในระยะประชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารของหน่วย เอส เอส มักนิยมใช้ปืน MP 40 เป็นอาวุธประจำกาย รวมทั้งทหารประจำรถถัง หรือหน่วยยานเกราะ ตลอดจนหน่วยพลร่ม ก็ใช้อาวุธชนิดนี้เป็นอาวุธประจำกาย เพราะไม่ยาวเกะกะ มีความคล่องตัวสูง บรรจุกระสุนได้มาก บำรุงรักษาง่าย และมีความทนทาน ไม่แต่เฉพาะทหารเยอรมันเท่านั้นที่ชมชอบปืนรุ่นนี้ ทหารพันธมิตร และทหารรัสเซียก็มักจะนำไปใช้ เมื่อยึดมันมาได้จากทหารเยอรมัน ปืน MP40 นั้นก็มีข้อเสียเหมือนกันครับ นั่นก็คือมันไม่มีวัสดุครอบลำกล้อง ทำให้เกิดปัญหาลำกล้องร้อนจนจับไม่ได้หลังจากที่ยิงไปแล้วระยะหนึ่ง
และอีกข้อเสียก็คือระยะยิงหวังผลที่สั้นเพียง100เมตร ซึ่งหากเทียบกับปืนคู่แข่งของโซเวียตอย่างPPSch-41, PPS-43แล้วจะทำให้มันเป็นรองอยู่บ้าง